ถ้ำนาคี - นาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนแห่งศรัทธาลุ่มน้ำโขง นครพนม-บึงกาฬ

 

ถ้ำนาคี @ ภูลังกา นครพนม

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนแห่งศรัทธาลุ่มน้ำโขง  

 

      ความเชื่อ ความศรัทธา เกี่ยวกับเรื่องราวขององค์พญานาคในลำน้ำโขงมีอยู่คู่กับแผ่นดินอีสานมาอย่างยาวนาน หล่อหลอมโยงใยเกี่ยวข้องกับวิถีแห่งการใช้ชีวิต ซึมลึกลงในประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรรม ผูกพันเป็นหนึ่งเดียวจนกลายเป็นพลังแห่งความศรัทธาที่มีอิทธิพลแพร่หลาย ไม่ว่าจะในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือ แลนมาร์คแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

    ถ้ำนาคี-ถ้ำนาคา ที่สุดของสายมู Unseen อันลึกลับน่าตื่นตาตื่นใจ เป็นเส้นทางพิสูจน์ความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจ พลังความเชื่อ ความศรัทธา ของนักท่องเที่ยวสายมูกับตำนานเรื่องราวของพญานาค อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศให้มาสัมผัสกับความลี้ลับน่าอัศจรรย์ของดินแดนแห่งนี้ นอกจากจะได้ชื่นชมความอัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว ยังถือได้ว่าการเดินทางมาครั้งนี้นับเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต บางคนโชคดีได้โชคลาภและความเจริญก้าวหน้าในชีวิต

     เมื่อย่างเข้าสู่หน้าฝน ความสดชื่นแห่งผืนป่าได้กลับมาเยือนอีกครั้ง เหล่าพันธุ์พืชที่พักซ่อนตัวใต้ผืนดินได้เวลาเติบโตงอกงาม สายฝนนำความชุ่มชื่นมาสู่ผืนป่าเขียวขจี สายหมอกลอยกรุ่นละมุนเหนือยอดเขา เป็นอีกฤดูกาลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล

   การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำโดย คุณอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาค ขอเชิญชวนทุกท่านออกเดินทางไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ความงามความสดชื่นของฤดูฝน และ สัมผัสมนต์ขลังของ 2 แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจนกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวสายมูและสายธรรมชาติต้องห้ามพลาด เปิดประสบการณ์การเดินทาง ชมความงดงามตระการตาบนภูสูงที่ผสมผสานระหว่างความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ และพลังแห่งความเชื่อ ความศรัทธาในองค์พญานาค ณ ถ้ำนาคี และ ถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา ที่เชื่อมโยงจังหวัดนครพนมและจังหวัดบึงกาฬไว้ด้วยกัน แล้วคุณจะรู้จักและหลงรักแผ่นดินอีสานมากขึ้น

      คุณอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 

    ถ้ำนาคี ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกตาดโพธิ์ ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม คนส่วนใหญ่จะรู้จักและคุ้นเคยกับถ้ำนาคาอันโด่งดังที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมบารมีปู่อือลืออย่างไม่ขาดสาย แต่จริงๆ แล้วอีกฝากฝั่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูลังกาแห่งนี้ยังมีอัญมณีเม็ดงามแห่งธรรมชาติที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ นับเป็น Unseen ที่สายมูต้องห้ามพลาดเช่นกัน เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันลี้ลับและน่าค้นหามีความสวยงามไม่แพ้กัน มีตำนานความเชื่อ ความศรัทธาที่เชื่อมโยงถ้ำนาคีและนาคาไว้ด้วยกัน นั้นคือเรื่องราวของพญานาคหรืองูยักษ์ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน ด้วยรูปร่างลักษณะของหินที่คล้ายงูยักษ์กำลังขดตัวเลื้อยคดเคี้ยวไปตามรอบหุบเขา หินที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดงูและยังมีอีกหลายจุดที่มีลักษณะคล้ายหัวงูยักษ์ ความสวยงามแบบลึกลับนี้จึงเป็นเสน่ห์มนต์ขลังที่ทำให้ปัจจุบันถ้ำนาคีกลายเป็นอีกแลนด์มารค์ของสายมูที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวซึ่งต่างก็ตั้งใจมาเยี่ยมชมทั้งถ้ำนาคีและถ้ำนาคา

    การเดินเท้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติของถ้ำนาคี มีระยะทางไป-กลับ ประมาณ 4 กิโลเมตร ใกล้ๆ กับที่ทำการอุทยาน จะเป็น น้ำตกตาดโพธิ์ (ชั้นที่1) ทางเดินช่วงแรกเป็นทางลาดยางที่ทำจากขยะพลาสติกที่มาจากทั่วประเทศ บรรยากาศร่มรื่นปกคลุมไปด้วยต้นไผ่ที่โน้มเข้าหากันเป็นร่มเงา ระหว่างทางมีจุดแวะพักเป็นระยะพร้อมป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับพืชพรรณ แมลง สัตว์ป่า สมุนไพร ที่พบในอุทยานแห่งชาติภูลังกา ซึ่งที่นี่มักจะพบพืชชนิดใหม่ของโลกและมีเฉพาะท้องถิ่นเป็นเอกลักษณ์รวมทั้งสมุนไพรหายาก 

    เราเดินเลียบลำธารไปประมาณ 150 เมตร จะเจอ น้ำตกผาสวรรค์ (ชั้นที่ 2) เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะถ่ายรูปและชมม่านน้ำตกที่สวยงามยามหน้าฝน 

     จากนั้นอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะเจอบันไดเหล็กให้ปีนเป็นช่วงๆ จุดนี้จะเป็นน้ำตกผางอย (ชั้นที่ 4) ที่เต็มไปด้วยความชุ่มชื่นของละอองน้ำจากน้ำตกที่อลังการมากในช่วงหน้าฝน ตรงนี้เราจะมองเห็นสายน้ำตกทอดยาวจากผาสูงลงสู่เบื้องล่าง หน้าผาปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้เบ่งบานประชันความงาม เราไต่ไปตามบันไดเหล็กสลับกับเส้นทางธรรมชาติเพื่อไปยังจุดที่น่าสนใจต่างๆ ของถ้ำนาคี การเดินต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่ค่อนข้างลาดชันจะมีเชือกให้จับเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ 

     ไฮไลต์ของถ้ำนาคีคือ หินที่มีลักษณะคล้ายเศียรพญานาค หรือหัวงูขนาดใหญ่ ที่มีด้วยกันถึง 9 เศียร เราจะไล่เรียงกันไปโดยเริ่มจาก เศียรที่ 9 ลักษณะคล้ายพญานาคกำลังแผ่พังพาน จุดนี้นักท่องเที่ยวสายมูนิยมมากราบไหว้ขอพรเรื่องการงาน ขอโชคลาภ

   ถัดมาเป็น เศียรที่ 1 เป็นเศียรที่ถูกค้นพบเป็นเศียรแรก ลักษณะเหมือนพญานาคทอดเศียรลงสู่เบื้องล่าง ปัจจุบันทางอุทยานฯได้นำองค์พระมาวางเพราะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเหยียบเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายจากหินทรุด 

    ก่อนจะถึงถ้ำนาคีจะพบ เศียรที่ 7 อยู่บริเวณบนซอกหินที่เราต้องลอดเข้าไปเพื่อขึ้นบันไดเล็กๆ ไปถ้ำนาคี 


    ภายในถ้ำประดิษฐาน พระพุทธรูปหินหยก แกะสลักซึ่งหินหยกดังกล่าวได้นำมาจากประเทศอินเดีย มีมาก่อนที่จะประกาศการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ก่อนถ้ำบริเวณนี้เป็นจุดรวมตัวของพระสงฆ์ที่มาปฏิบัติธรรม สมัยก่อนจะมีพระธุดงค์ปฏิบัติธรรม บนถ้ำมีอากาศเย็นสบายเปรียบได้กับการเดินทางไปเมืองบาดาล 

    จุดถัดมาคือ เศรียรที่ 2 อยู่ใต้ฐานพระพุทธรูปหยกในถ้ำ ช่วงที่ทีมงานไปเป็นช่วงหน้าฝน เศียรที่ 2 จะจมอยู่ใต้น้ำ ส่วน เศียรที่ 5 ตรงบันไดทางลงตอนที่ออกจากปากถ้ำ 

    เศียรที่ 6 อยู่ทางขวาตรงสะพานทางเดิน

    เศียรที่ 3 โผล่มาจากด้านบนทางซ้ายมือของช่องหินที่มีพื้นผิวเป็นเกล็ดคล้ายลำตัวของงู 

    จากนั้นมุ่งหน้าไปยัง ผานาคี ที่นี่เป็นจุดชมวิวสวยงามแห่งหนึ่ง ลักษณะเป็นผาหินยื่นออกมาจากภูเขา สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงที่ทอดยาว รวมไปถึงทิวทัศน์ภูเขาฝั่งแผ่นดิน สปป.ลาว ที่สวยงาม วิวผืนป่าสุดลูกหูลูกตาและยังเป็นจุดชมแสงแรกของพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมาก โดยเฉพาะในฤดูฝนและฤดูหนาวเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามอลังการ

   จากผานาคีเราเดินย้อนกลับเพื่อไปยัง เมืองบังบดหรือเมืองลับแล ระหว่างทางจะพบ หัวนาคีที่ 8 อยู่ตรงทางลงไปเมืองบังบด บริเวณนี้จะเป็นผา 2 ด้านสูงชันลวดลายของหินคล้ายเกล็ดงู 

   

   เดินต่อไปอีกไม่ไกลเราจะพบกับ เศียรที่ 4 ลักษณะเหมือนงูใหญ่อยู่ในท่าทางชูคอมองขึ้นไปด้านบน ช่วงฤดูฝนหินจะมีเงาสะท้อนทำให้ดูเหมือนเกล็ดงูชัดเจนมาก

    นอกจากนี้แล้วยังมี บ่อชุบตัวพญานาคี เป็นบ่อน้ำที่มีความเชื่อกันว่า ผู้ที่ได้ลงไปชำระล้างร่างกายในบ่อน้ำแห่งนี้ สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายจะถูกชะล้างออกจากตัว เกิดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ที่สำคัญคือต้องมาชำระล้างในช่วงฤดูฝนเท่านั้นจึงจะได้ผลดี

     ระหว่างทางเดินขากลับเราจะผ่าน น้ำตกไทรงาม (ชั้นที่ 3) บริเวณนี้นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ จากจุดนี้เมื่อมองขึ้นไปด้านบนเราจะเห็นสายน้ำไหลลงมาจากน้ำตกผางอยซึ่งเป็นน้ำตกชั้นบนสุด

     ถ้ำนาคี อยู่ห่างจากตัวอำเภอบ้านแพงประมาณ 8 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองนครพนมประมาณ 100 กิโลเมตร และห่างจาก อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ประมาณ 30 กิโลเมตร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อุทยานแห่งชาติภูลังกา ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม

โทร. 08-4792-3505 และ 0-4253-0766 (เวลา 9.00-16.00 น.)

 

 

ถ้ำนาคา @ ภูลังกา บึงกาฬ

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตามรอยพญานาค

 

   จากการค้นพบถ้ำนาคา จากเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ ความลึกลับมากมายที่ทำให้ผู้คนต่างพากันมาเจอเหมือนถูกลิขิตเอาไว้แล้วซึ่งทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความเชื่อและความศรัทธาได้แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ จนทำให้ถ้ำนาคามีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นแลนด์มาร์คของแหล่งท่องเที่ยวสายมู ผู้คนนับร้อยนับพันที่ตั้งใจแวะมาเยี่ยมเยือนดินแดนลี้ลับแห่งนี้ เพื่อกราบไหว้พญานาคปู่อือลือ เพื่อขอพรเรื่องหน้าที่การงาน ขอโชคลาภตามความเชื่อของแต่ละบุคคล

     ถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา บึงกาฬ รอยต่อระหว่างบึงกาฬกับนครพนม เส้นทางท่องเที่ยวถ้ำนาคา (น้ำตกตาดวิมานทิพย์) รวมระยะทางไปกลับราว 4,500 เมตร ใช้เวลาในการเดินเท้าโดยประมาณ 4-5 ชั่วโมง มีบันไดเหล็กเป็น 3 ช่วง ส่วนใหญ่เป็นทางลาดชัน และทางราบสลับกันไปให้นักท่องเที่ยวได้พักเหนื่อยเป็นระยะๆ บางจุดต้องปีนป่ายโดยมีเชือกให้จับเพื่อช่วยพยุงตัวทั้งตอนขาขึ้นและขาลงตลอดเส้นทางบรรยากาศร่มรื่นปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย

 

  จุดไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวสายมูต้องห้ามพลาด คือ ถ้ำนาคา หินบริเวณนี้จะมีลักษณะคล้ายส่วนท้องของงูที่กำลังนอนขดตัว

...หัวนาคาที่ 1 อยู่ใกล้ถ้ำหลวงปู่วัง

...ถ้ำหลวงปู่วัง

...ประตูเมืองบังบดหรือเมืองลับแล

...หัวนาคาที่ 2

...หัวนาคาที่ 3 อยู่ระหว่างเส้นทางขาลง

...จุดเช็คอินบันไดแดง

...หินดอกเห็ด


...จุดชมวิว

...บ่อชุบตัว น้ำตกตาดวิมานทิพย์ ชั้น 6

ลานเกล็ดหินพญานาค

...บ่อน้ำทิพย์

...เจดีย์หลวงปู่วัง

...ประตูเต่า

...น้ำตกตาดวิมานทิพย์ ซึ่งจะงดงามมากในช่วงฤดูฝน เป็นความสวยงามจากความสมบูรณ์ของผืนป่าในยามหน้าฝนความอลังการของม่านน้ำตกที่ไหลผ่านผาหินลงสู่เบื้องล่างสะท้อนกับแสงอาทิตย์สวยงามประทับใจแบบไม่รู้ลืม

  ถ้ำนาคา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 จากการค้นพบของนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์วินิจ สุเมโทร วัดถ้ำชัยมงคล ทางคณะได้เดินทางสำรวจบันทึกภาพของกลุ่มหินต่างๆ หินทรายขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกัดกร่อนโดยธรรมชาติ ทางธรณีวิทยาเรียกว่า ซันแครก (Sun Crack) หรือหมอนหินซ้อน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการแตกของผิวหน้าหิน จากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่ต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการขยายตัวและหดตัวสลับไปมาจนแตกเป็นรูปหลายเหลี่ยม ต่อมามีการผุพังและกัดเซาะโดยน้ำและอากาศในแนวดิ่งทำให้หินเกิดเป็นลักษณะเหมือนหมอนที่วางซ้อนกันเป็นชั้นขนานไปกับแนวชั้นหินเกิดลวดลายลักษณะคล้ายเกล็ดงู ประกอบกับรูปร่างการโค้งตัวของหินทำให้คล้ายการขดตัวของงูหรือพญานาค จากการคำนวณทางธรณีวิทยาหินทรายชนิดนี้มีอายุประมาณ 70 ล้านปี เป็นหินที่เกิดในยุคครีเทเชียสตอนปลาย

 

   ด้วยลักษณะของหินที่ถ้ำนาคาจึงสอดคล้องกับเรื่องเล่าในตำนานและมีความเชื่อว่า กลุ่มหินรูปงูอาจจะเป็นงูยักษ์ตายแล้วกลายเป็นหินตามตำนานเมื่อหลายร้อยล้านปีมาแล้ว งูยักษ์พอตายลงยังไม่เน่าเปื่อยก็โดนทับถมด้วยดินหินมานานนับล้านปีจนแร่ธาตุจับเกาะในตัวงูกลายเป็นหิน ผูกเข้ากับตำนานท้องถิ่นที่ว่าองค์อือลือเคยอาศัยอยู่บริเวณนี้เป็นราชาผู้ถูกสาปให้เป็นพญานาค ทำให้เมืองล่มสลายจมใต้บาดาล องค์อือลือจะพ้นคำสาปก็ต่อเมื่อมีเมืองใหม่เกิดขึ้น ชาวบ้านเชื่อว่าก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายพญานาค คือ องค์อือลือที่ถูกสาปให้เป็นงูใหญ่แล้วกลายเป็นหิน และปัจจุบันเชื่อกันว่าเมืองที่ว่านี้คือ บึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ

   ถ้ำนาคาเปิดให้เข้าชมทุกวันสามารถขึ้นชมได้ทุกฤดูกาล ยกเว้นในวันที่มีฝนตกหนัก โดยในแต่ละฤดูก็จะได้ภาพและบรรยากาศแตกต่างกันไป เช่น ในฤดูฝนจะมีหยดน้ำเกาะตามต้นไม้ ใบหญ้าทำให้ดูชุ่มฉ่ำมีชีวิตชีวา หินจะมีมอส เฟิร์น เกิดขึ้นทำให้ดูขลังไปอีกแบบ ส่วนในฤดูร้อนจะเห็นผิวหินชัดเจน

  และสองข้างทางจะเต็มไปด้วยบรรดาพืชพันธุ์ดอกไม้ป่าที่หาชมได้ยากทั้งไม้พุ่มและไม้ยืนต้นที่กำลังออกดอก เช่น ข่อยหิน เต็ง รัง คำมอกหลวง ม้าวิ่ง อะราง ตะแบกเกรียบ กระเจียว ต้นเข้าพรรษา เทียนทราย สิรินธรวัลลี เป็นต้น

     ข้อแนะนำในการท่องเที่ยวถ้ำนาคา ควรขึ้นช่วงเช้าเวลา 07.00-12.00 น. เพราะถ้าขึ้นในช่วง 13.00-14.00 น. นักท่องเที่ยวจะได้ขึ้นถ้ำนาคาแค่จุดเดียวอาจไม่สามารถไปจุดอื่นๆได้ เนื่องจากทางอุทยานฯ กำนดเวลาลงจากเขาไว้ในที่ 16.00 น.
เส้นทางถ้ำนาคาเหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพร่างกายแข็งแรง ควรมีกระเป๋าสะพายหลังเพื่อใส่สัมภาระที่จำเป็น เช่น น้ำดื่ม ยากันยุง สวมใส่เสื้อผ้าที่สบายเหมาะแก่การเดินระยะไกล ในฤดูฝนควรพกเสื้อกันฝนไปด้วย และสำคัญมากที่จะต้องมีไกด์ที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐาน Local Cave Guide เป็นผู้นำทางตลอดเส้นทาง

ถ้ำนาคาอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองบึงกาฬ 100 กิโลเมตร และจากตัวอำเภอบึงโขงหลงประมาณ 10 กิโลเมตร แนะนำให้หาที่พักบริเวณใกล้เคียงเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปยังถ้ำนาคา

ถ้ำนาคา ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 38220

สอบถามเพิ่มเติม อุทยานแห่งชาติภูลังกา (Phulangka National Park)

โทร. 08-4792-3505 และ 0-4253-0766 (เวลา 9.00-16.00 น.)

สายด่วน (Hotline) 1362, 1669