สัมผัสธรรมชาติสุดชิล กับฟากฟ้าทะเลตรัง

 

            เมืองตรังขึ้นชื่อลือชาว่าอาหารอร่อยเลิศรส ขอบฟ้าสีครามน้ำทะเลสีฟ้าใส ที่เชิญชวนใครๆ ให้ไปเยี่ยมเยือนได้ไม่ขาดสาย ไม่นานมานี้ผู้เขียนมีโอกาสร่วมเดินทางไปสัมผัสความงามแห่งตรังกับกิจกรรมที่กรมการทองเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดขึ้นในโครงการส่งเสริมและพัฒนาโฮมสเตย์ไทยเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางการท่องเที่ยว

           

            คณะเราออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองมุ่งหน้าสู่จังหวัดตรัง ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทาง เราเริ่มมื้อเช้าเก๋ๆ แบบชาวตรังแท้ๆ กับหมูย่างสุดอร่อยที่ร้านพงษ์โอชา แล้วคุณจะรู้ว่าหมูย่างเมืองตรังทำให้ยั้งใจไม่อยู่แค่ไหน เนื้อกรอบนอกนุ่มในเป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดๆ นอกจากหมูย่างที่รสชาติแสนโอชะแล้วยังมีติ่มซำอีกหลากหลายให้คุณอร่อยได้ไม่เลิก เมื่ออิ่มสบายท้องแล้วคณะเราก็เริ่มออกสำรวจเมืองตรังกันเลย 

 

            จุดท่องเที่ยวแรกเราแวะชมความสมบูรณ์แห่งถ้ำธรรมชาติที่ถ้ำเขาช้างหาย ตั้งอยู่ในตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง ภายในถ้ำจะเห็นหินงอกหินย้อยเรียงรายเป็นรูปร่างต่างๆ ชวนให้ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของชั้นหินต่างๆ สถานที่ถัดมาเราเข้าเยี่ยมชมภูมิปัญญาการทอผ้าของกลุ่มทอผ้านาหมื่นศรี  ที่สวยงามประณีตและมีเอกลักษณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้มีการคิดค้นลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกว่า 30 ลาย มีการสาธิตการทอผ้า และมีพิพิธภัณฑ์ผ้าทอให้ชมอีกด้วย

            จากนั้นเราก็เดินทางมาถึงสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของทริปนี้คือ โฮมสเตย์ บ่อหินฟาร์มสเตย์ ทันทีที่ลงจากรถก็สามารถสัมผัสได้ถึงความสดชื่นของธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้า เพราะที่พักค่ำคืนนี้อยู่ติดริมน้ำ มองเห็นป่าโกงกางเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา คุณบรรจง นฤพร ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้เล่าถึงความเป็นมาของบ่อหินฟาร์มสเตย์ว่าเริ่มต้นจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชมเลี้ยงปลากระชัง ภายหลังประสบภัยพิบัติสึนามิในปี พ.ศ. 2547 ทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหาย สมาชิกจึงรวมตัวตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อช่วยเหลือกัน และได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ทำให้กลุ่มสามารถจัดกิจกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ต่อมาได้รับการต่อยอดให้เป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งแก่ชุมชนอื่นๆ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมการและศึกษาดูงานมากขึ้นทำให้เกิดความต้องการที่พัก ทางกลุ่มจึงได้พัฒนาส่วนของบ้านพักขึ้นมาในรูปแบบโฮมสเตย์สำหรับผู้ที่สนใจพักค้างคืนโดยใช้ชื่อว่า “บ่อหินฟาร์มสเตย์” จุดเด่นของที่นี่ คือการได้มาสัมผัสธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน รวมทั้งการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง และการเรียนรู้วิถีประมงพื้นบ้าน 

 

             เมื่อคณะเราเก็บข้าวของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มกิจกรรมล่องเรือศึกษาเส้นทางธรรมชาติป่าชายเลน และร่วมกันป่าปลูกป่าเลนกันอย่างสนุกสนาน คุณบรรจงได้พาคณะเดินลัดเลาะตามสะพานไม้ในป่าชายเลนเพื่อชมวิถีชีวิตของสัตว์น้ำ และชมบ่อน้ำเค็มร้อนแห่งเดียวในจังหวัดตรัง มีอุณหภูมิประมาณ 45 องศา น้ำใสเป็นสีฟ้าสามารถมองเห็นถึงก้นบ่อสวยงามมาก  จุดหมายต่อมาคือมุ่งหน้าสู่ทะเลไปยังอ่าวบุญคง เพื่อชมความงามของธรรมชาติแห่งท้องทะเล และปิดท้ายโปรแกรมในวันนี้ด้วยความโรแมนติกสุดๆ กับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินที่หาดเก็บตะวัน ยืนรับลมทะเลในยามเย็น ชมความงามของท้องฟ้าสีส้มสด ริ้วเมฆน้อยลอยเหนือภูเขา มีพระอาทิตย์ดวงโตค่อยๆ คล้อยลับลาขอบฟ้าไปช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจยิ่งนัก  และเมื่อเราล่องเรือกลับมาถึงที่พักก็พบกับมื้อเย็นสุดพิเศษ ปูนึ่งสดๆ พร้อมกับการแสดง ลิเกป่า เป็นการแสดงโบราณที่สืบทอดกันมาช้านานของคนท้องถิ่น มีมุขตลกโปกฮาให้หัวเราะกันไม่เลิก ทำให้คณะเราอารมณ์ดีเข้าพักผ่อนกันอย่างมีความสุขตลอดคืน 

            รับอรุณของเช้าวันใหม่กับแสงแรกที่สดใส พระอาทิตย์มาเคาะประตูถึงหน้าห้องนอน สีทองอร่ามสะท้อนผิวน้ำกับทิวต้นโกงกาง ชาวบ้านนำเรือเริ่มออกหาปลา เสียงนกร้องหากันระงม บรรยากาศของความสดชื่นแบบนี้นึกถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกสุขใจเมื่อนั้น ขอกระซิบว่ามื้อเช้าที่นี่อร่อยมาก ข้าวต้มปลาเนื้อนุ่มสดๆ จากทะเลบวกฝีมือปรุงรสที่สุดๆ ของแม่ครัว ทำให้หลายคนอดใจไม่ได้ที่จะเดินไปเติมครั้งแล้วครั้งเล่า  และแล้วก็ได้เวลาที่คณะเราต้องลาจากบ่อหินฟาร์มสเตย์ ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ทำให้รู้สึกประทับใจจนคิดไว้ว่าหากมีโอกาสจะขอกลับมาเยี่ยมเยือนอีกสักครั้ง

 

            เราออกเดินทางมุ่งหน้าไปท่าเรืองปากเมง ตลอดสองข้างทางที่เราผ่านเต็มไปด้วยดอกศรีตรังชูช่อสีม่วงพริ้วไหว เชิญชวนให้ลงไปถ่ายภาพยิ่งนัก เมื่อถึงท่าเรือปากเมงทุกคนก็เตรียมลงเรือเพื่อร่วมกิจกรรมดำน้ำตามเกาะต่างๆ จุดแรกที่แวะคือเกาะมุก เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างมากของการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดตรัง น้ำใสแจ๋วจนมองเห็นตัวปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ด้านล่างเลยทีเดียว มีปลาสีสันหลากหลายและพบปะการังกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เป็นที่อาศัยของหมู่นกนางแอ่นจำนวนมาก  ถัดมาอีกด้านของเกาะมุก เป็นถ้ำมรกต ที่ใครมาเมืองตรังต้องพลาดไม่ได้กับความสวยงาม มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่หลั่งไหลมาเที่ยวชมความงามของท้องทะเลที่ถ้ำนี้ บ่ายคล้อยเราก็มุ่งหน้าไปยัง เกาะกระดาน ชื่นชมกับหาดทรายสีขาวทอดยาวสุดสายตา มองเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใสๆ ไกด์บอกว่าถ้าโชคดีจะได้เป็นปลาดาวอีกด้วย ออกจากเกาะกระดานไปต่อยังเกาะเชือก ขอบอกว่าตะลึงกับความใสของน้ำทะเลที่นี่ เกาะ เชือกมีความสมบูรณ์ของแนวปะการังจำนวนมาก เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำเมื่อมาเยือนทะเลตรัง ปลาหลากสีแหวกว่ายไปมาสุดแสนตระการตากับโลกแห่งท้องทะเล

                           
            เช้าวันที่ 3 กับการชมความงามแห่งธรรมชาติของป่าเขาลำเนาไพร สถานที่แรกคือ 
ถ้ำเลเขากอบ ตั้งอยู่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด Unseen Thailand ของจังหวัดตรัง สุดยอดความตื่นเต้นของการผจญภัยในถ้ำลอดท้องมังกร เรือจะล่องผ่านแมกไม้อันร่มรื่นเขียวขจี แล้วค่อยๆ ลอดเข้าไปในปากถ้าที่กว้างและจะค่อยๆ แคบลง มืดลง ในโถงถ้ำมีหินงอกหินย้อยงดงามจับตา บ้างเป็นลายพริ้วไหว บ้างก็คล้ายม่านคล้ายดั่งซุ้มประตู คล้ายดั่งเสาหินเป็นประติมากรรมธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้อย่างมหัศจรรย์ ไฮไลท์ของถ้ำเลเขากอบคือ การลอดท้องมังกร กับความตื่นเต้นและหวาดเสียวด้วยการนอนลอดผ่านช่วงถ้ำมืดเพดานต่ำที่เรียก ว่าลอดท้องมังกร นับเป็นช่วงประสบการณ์แห่งความหวาดเสียวที่ทุกคนจะจดจำไม่รู้ลืม ออกจากถ้ำเลเขากอบด้วยความตื่นเต้นแล้วเราไปกันต่อที่ วังเทพทาโร แหล่งเรียนรู้ไม้เทพทาโร ไม้หอมมหัศจรรย์มีคุณค่า ไม้เก่าแก่และเป็นไม้มงคลของภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันเหลือน้อยเพราะถูกโค่นทำลายเพื่อปลูกยางพารา เก็บรวบรวมไว้โดยนาย จรูญ แก้วละเอียด จัดทำเป็น  84 มังกร ไม้หอมมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 ชมไม้หอมคู่เมืองตรังเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปยัง สถานีรถไฟกันตัง เป็นสถานีรถไฟปลายทางของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน สถานีเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล สวยคลาสสิก เก็บภาพจากมุมไหนก็สวยไปหมด ห่างออกมมาไม่ไกลนักเป็นพิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เดิมเป็นบ้านพระยารัษฎาฯ เป็นหลักฐานสำคัญของการตั้งเมืองที่กันตัง และเป็นบิดาแห่งยางพารา เนื่องด้วยเป็นผู้ส่งเสริมการปลูกยางพารา จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับ 1 ของภาคใต้ ปัจจุบันยังมียางพาราต้นหนึ่งริมถนนตรังคภูมิ ซึ่งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นสวยยางพารารุ่นแรก ทุกคนจึงถือว่าเป็นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย

 

            ปิดท้ายโปรแกรมทริปนี้ด้วยการเดินเท้าศึกษาความงามของผืนป่าธรรมชาติที่สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) ชมไม้ป่านานาพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์เรียงรายอยู่สองข้างทาง และจุดห้ามพลาดคือ เส้นทางสะพานศึกษาเรือนยอดไม้ (Canopy Walk Way) ลักษณะเป็นหอคอยสะพานแขวนเป็นจุดๆเชื่อมต่อกัน เพื่อให้คุณได้ใกล้ชิดและสัมผัสแมกไม้จากมุมสูง มองเห็นสัตว์น้อยใหญ่ได้รอบๆบริเวณ ครบครันกับเส้นทางท่องเที่ยวแห่งความสุข ณ จังหวัดตรัง เมืองไทยเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย มากมายด้วยมิตรไมตรี วันหยุดนี้ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหน ขอแนะนำไปสัมผัสเมืองแห่งธรรมชาติและอาหารเลิศรสที่จังหวัดตรัง เมืองต้องห้ามพลาดกันค่ะ